วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

10 อันดับโปรแกรมป้องกัน ไวรัส ปี 2011

การใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน คงจะหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องไวรัสจึงเป็นเหตุผลให้ ผู้ใช้จำเป็นต้องแสวงหาโปรแกรมป้องกันไวรัสเพื่อจะ ปกป้อง หรือ ป้องกัน เครื่องคอมพิวเตอร์และ ข้อมูลอันเป็นที่รักและหวงแหน ให้รอดพ้นจากภยันอันตราย ทั้งปวง สำหรับบทความนี้ผมจะกล่าวถึง 10 โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ได้รับความนิยมติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ในปี 2011 นี้


อันดับที่ 10 Trend Micro Titanium Antivirus Plus 2011
ประเดิมเราฤกษ์เอาชัยด้วย Trend Micro Titanium Antivirus Plus 2011  หรือที่รู้จักในชื่อ "เทรดไมโคร" มาพร้อมกับความสามารถ การป้องกันที่ดีเยี่ยม ด้วย Cloud Technology (เทคโนโลยีกลุ่มเมฆ) โดยมีการสแกนไวรัสผ่านเครื่องข่ายแบบ Real-Time(เรียลไทม์) รวมไปถึงมีขั้นตอนติดตั้งอย่างง่ายดาย พร้อมกับ อินเตอร์เฟซ ที่ง่านต่อการใช้งานสำหรับบุคคลทั่วๆไป ใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อยนิยมติดตั้งใช้งานกับ Netbook สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดนี้สามารถใช้กับ iPad ได้อีกด้วย เพิ่มเติม... 
อันดับที่ 9 G -Data Antivirus 2011
ตามด้วยอันดับที่ 9 คือ G-Data Antivirus 2011 พกความสามารถที่โดดเด่นก็คือ ระบบเรียนรู้พฤติกรรมของไวรัส (Self-Learning) ด้วยตัวของมันเองอีกด้วย นั่นหมายความว่า สามารถลดเวลาการค้นหา (Scan) ไวรัส ให้สั้นลง ถ้าเทียบกับโปรแกรมตัวอื่นๆ และยังลด การกินทรัพยากรของเครื่อง อย่าง หน่วยความจำ (Memory) อีกด้วย มาพร้อมกับการออกแบบ อินเตอร์เฟซ(interface) มาวางไว้ในหน้าต่างเดียวกันเพื่อสะดวกในการใช้งาน มีการอัฟเดดข้อมูลไวรัสสดทุกๆชั่วโมง และเอาใจผู้ใช้ในเวอร์ชั่นทดลองใช้อีก 30 วันฟรีๆ เพิ่มเติม...

อันดับที่ 8 Avira Antivir Premium
อันดับที่ 8 Avira Antivir Premium หรือที่รู้จักในชื่อ "ร่มแดง"  สุดดยอดโปรแกรมป้องกันจากประเทศเยอรมันนี ซึ่งมีการพัฒนาต่อเนื่องกว่า 10 ปี ตรวจสอบไวรัสได้มากกว่า 300,000 ชนิด พร้อมระบบการ อัพเดท ข้อมูลไวรัสในเครื่อง แบบอัตโนมัติ ให้ไม่ล้าหลัง และตามไวรัสเหล่าร้ายทัน เรียกได้ว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเลยทีเดียว เพิ่มเติม...

อันดับที่ 7 AVG Antivirus 2011
ตามมาติดด้วย AVG Antivirus 2011 หรือชื่อสั้นๆ "AVG" เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ชื่อดังของโลก ที่มีการ Update ข้อมูลไวรัสอย่างรวดเร็ว แถมยังไม่หน่วงเครื่องของคุณอีกต่างหากแถมยังมีฟังก์ชั่น Real-time Protection เปรียบเสมือนยามค่อยเฝ้ามองไวรัสอยู่ตลอดเวลา และในเวอร์ชั่นที่ยังพัฒนาให้ใช้งานได้ในระบบปฏิบัติการ Android สำหรับTablets  และ Smartphones อีกด้วย นับว่าเป็นอีก1โปรแกรมที่น่าใช้งานเป็นอย่างมาก เพิ่มเติม...

อันดับที่ 6 ESET NOD32 Antivirus 4
สำหรับ NOD เวอร์ชั่น 4 NOD32 มากับการใช้งานที่ง่ายและให้ความปลอดภัยระดับองค์กรและ PC  หลังจากที่ติดตั้งเสร็จสิ้น มีระบบ "AMON" ที่ดูแลตรวจสอบระบบตลอดเวลา จะทำงานอยู่ด้านหลัง ช่วยให้คอมพิวเตอร์มีปลอดภัย และมีระบบ IMON ที่ดูและตรวจสอบอีเมล์ จะสแกนทุกๆเมล์ที่ได้รับ และตรวจหาไวรัสและทำการกำจัดก่อนที่ไวรัสจะมีโอกาสเข้ามาและทำร้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ และเมื่อมีการอัปเดทใหม่ๆเข้ามา NOD32 จะทำการอัปเดทโดยอัตโนมัติ มั่นใจว่าคุณจะมีฐานข้อมูลไวรัสล่าสุด เพิ่มเติม...

อันดับที่ 5 Vipre Antivirus 2011
มาถึงครึ่งทางกันกับอันดับที่ 5 Vipre 2011 สำหรับ Anntivirus ตัวนี้มาพร้อมกับความสามารถ Vipre สามารถป้องกันไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง ที่ได้รับการประเมินและรับรองห้องปฏิบัติการ ICSA และได้รับรางวัล VB100 เพิ่มความสามารถด้วยระบบ Instant Messaging Protection ป้องกัน IM ที่เป็นอันตราย มีการใช้งานแพร่หลายในระดับองค์กรและธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เพิ่มเติม...

อันดับที่ 4 Webroot Antivirus 2011
อันดับที่ 4 พบกับ Webroot Antivirus 2011  มากับความสามารถ ป้องกันไวรัส ป้องกันสปายแวร์ เพื่อป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ ไวรัสสปายแวร์, keyloggers, rootkits และภัยคุกคามออนไลน์อื่นๆ การตรวจสอบ เทคนิคขั้นสูง สแกนคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างละเอียด และ ลบโปรแกรมที่เป็นอันตราย และการป้องกันที่มีคุณลักษณะอย่างเดียวกันใน Spy Sweeper ช่วยป้องกันภัยคุกคามใหม่ก่อนที่จะติดคอมพิวเตอร์ของคุณ. Webroot AntiVirus รวมรวมการสำรองข้อมูลออนไลน์และเรียกคืนข้อมูลรูปถ่ายดิจิตอล และไฟล์ อื่นๆที่อาจจะเสียหาย หรือสูญหายเนื่องจากการความผิดพลาดของฮาร์ดดิสก์, ไฟไหม้, โจรกรรมหรืออการลบอย่างไม่ตั้งใจ  เพิ่มเติม..

อันดับที่ 3 Norton Antivirus 2011
อันที่ 3 พบกับ Norton Antivirus 2011 เป็นสุดยอด Antivirus อีกหนึ่งตัวที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่นิยมในท้องตลาดในอันดับต้นๆ โดยความสามารถที่โดนเด่นในเวอร์ชั่นนี้คงจะหนีไม่คพ้น ความรวดเร็วในการตรวจสอบข้อมูลไวรัสด้วยเทคโนโลยีของ Symantec รวมไปถึงระบบจำไฟล์ที่ผ่านการสแกนมาแล้วและจะไม่ทำการสแกนซ้ำ ถ้าไฟล์นั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง วิธีนี้ทำให้การทำงานของ Norton AntiVirus 2011มีความเร็วเพิ่มขึ้นในการสแกน มาพร้อมกับ Security History เป็นฟีเจอร์ที่เก็บข้อมูลการสแกนแล้วเสร็จทั้งหมด คุณสามารถเข้าใช้งานได้ตลอดเวลารวมทั้งมีรายละเอียดอื่นๆ เช่น การพยายามปิดกั้นการบุกรุก  นอกจากนี้คุณยังสามารถตรวจสอบฐานข้อมูลไวรัสของคุณว่าถูกปรับปรุงล่าสุดหรือ ไม่ Norton AntiVirus 2011 ยังให้คุณสมัครฟรี 1 ปี ในการใช้บริการข้อมูลของไวรัสและมัลแวร์ของ ไซแมนเทค(Symantec) ซึ่ง ป็นการช่วยให้คุณอัปเดทข้อมูลในการป้องกันไวรัสและมัลแวร์ได้แบบล่าสุด เพิ่มเติม...

อันดับที่ 2 Kaspersky Antivirus 2011
Kaspersky Antivirus 2011 เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วและความสามารถในการ รักษาความปลอดภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซอฟต์แวร์ที่มีการกล่าวถึงเป็นหนึ่งในโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เร็วที่สุดที่ จะไม่คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงเลย นอกจากนี้จะให้ความคุ้มครองสูงสุดกับไวรัสและภัยคุกคามรูปแบบอื่น ๆ , ออนไลน์และ / หรือออฟไลน์ ครบเข้ากันได้กับ Windows 7, Kaspersky ให้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยสำหรับคอมพิวเตอร์ที่บ้าน, คอมพิวเตอร์ธุรกิจและสถานประกอบการ นอกจากนี้ Kaspersky ให้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสสำหรับเดสก์โน๊ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ Mac และโทรศัพท์มือถือ Kaspersky ให้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจและองค์กรของ เราเลือกซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีที่สุด หากคุณกำลังมองหาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ หรือองค์กร Kaspersky เป็นซอฟต์แวร์สำหรับคุณ  Kaspersky Antivirus 2011 ให้บริการเทคโนโลยีที่สำคัญดังต่อไปนี้ Real - time สแกนของกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตอีเมลการส่งข้อความทันทีและกำหนดกิจการอื่น ๆ การขโมยข้อมูลส่วนตัวที่ปรับปรุงระบบการป้องกันที่ปกป้องคุณจากสปายแวร์ที่ สามารถติดตามกิจกรรมของคุณ ตลอดเวลาสแกนหน้าเว็บที่คุณเข้าชมและการปิดใช้งานการเชื่อมโยงที่นำไปสู่​​ เว็บไซต์ที่เป็นอันตราย การป้องกันตนเองจากมัลแวร์และการป้องกันการหักหลังของเครื่องคอมพิวเตอร์ของ คุณ การป้องกันเชิงรุกรุ่นถัดไปจากการโจมตี zero - day และภัยคุกคามที่ไม่รู้จัก บริการฟรีอีเมล, โทรศัพท์และสนับสนุนการแชทจากทีมงานที่มีทักษะเทคโนโลยีของ Kaspersky เพิ่มเติม...


อันดับที่ 1 BitDefender Antivirus 2011
มาถึงอันดับที่ 1 ครองแชมป์มาหลายปีซ้อนนั้นคือ BitDefender โดยการให้บริการของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสสายสำหรับ PC,Notebook, MAC และ โทรศัพท์มือถือ เหตุผลที่เป็นอันดับ 1  ของโปรแกรมป้องกันไวรัสจากสิบรายการด้านบน เนื่องจาก BitDefender Antivirus 2011 เป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ที่แนะนำมากที่สุดกับ เครื่องคอมในบ้านหรือในองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่  โดยมีการป้องกันไวรัสที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในขั้นตอนการระบุความเสี่ยงและปิดกั้นอันตรายที่จะเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้น BitDefender ได้ถูกเลือกใช้งานนับเป็นล้านๆเครื่องทั่วโลก และที่สำคัญราคาของซอฟต์แวร์มีราคาไม่แพงมาก โดย BitDefender Antivirus 2011 มาพร้อมกับคุณสมบัติ การป้องกันเชิงรุกขั้นสูง การป้องกันไวรัส ป้องกันมัลแวร์ทั้งเก่าและมาใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำของ BitDefender รวมไปถึงคุณสมบัติการสแกนแบบเรียลไทม์ กับเว็บ, อีเมลและกิจกรรม Messenger ทันทีเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณปลอดภัย ปกป้องจากสปายแวร์ที่เป็นอันตรายโดยซอฟต์แวร์ป้องกันสปายแวร์ที่พยายามติดตามพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เนตของคุณ เพิ่มเติม...

และจากโปรแกรม Antivirus ทั้ง 10 ตัวนี้จะเห็นได้ว่าไม่มีตัวไหนเลยที่สามารถใช้งานเวอร์ขั่นเต็มๆได้ฟรีนั้นก็หมายความต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับการการใช้งานโปรแกรมเหล่านี้มาใช้งาน สำหรับโดยส่วนตัวผมแล้วผมจะนิยมใช้โปรแกรมที่เป็นของฟรีๆซะมากกว่าและผมขอแนะนำโปรแกรม Antivirun ที่เป็นขวัญใจผมมาตลอดนั้นก็คือ Microsoft Security Essentials และผมขอจบบทความนี้ไวนะแค่นี้ก่อนคับ

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทำให้ Flash Drive ปลอดภัยจากไวรัส





Flash Drive (หรือที่หลายคนเรียก Handy Drive, Thumb Drive, USB Drive)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือไฟล์จากคอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาติดตัว แต่ในขณะเดียว


กันมีความจุสูง สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากตั้งแต่ 128 MB ถึง 8 GB และขนาดความจุข้อมูลก็ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การใช้งาน Flash Drive มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งนับว่า เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์กับผู้ใช้คอมพิวเตอร์มากมาย แต่ปัญหาที่ตามก็คือ Flash Drive นอกจากจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้จัดเก็บและกระจายข้อมูล ยังเป็นอุปกรณ์สุดฮิตที่ใช้แพร่กระจาย "ไวรัส" อีกด้วย  โดย มีไวรัส อยู่ หลายชนิด ที่อาศัย ไฟล์ autorun.inf ในการกระจายตัวไปติดยังคอม พิวเตอร์ เครื่องอื่นๆ


วิธีที่ไวรัสเข้าไปฝังตัวอยู่ใน Flash Drive ก็คือ
เมื่อเสียบ Flash Drive เข้ากับคอมพิวเตอร์ที่มีไวรัสอยู่ ไวรัสจะแพร่กระจายตัวเอง โดยการเขียนตัวเองพร้อมกับเขียนไฟล์ ที่มีชื่อว่า autorun.inf ลงบน Flash Drive ซึ่ง File นี้จะเป็นตัวบอกให้ Windows เรียกโปรแกรมทำงานอัตโนมัติและพร้อมที่จะแพร่กระจายตัวเอง เมื่อเรานำ Flash Drive ไปเสียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องต่อไป
การแก้ไขปัญหา
จากข้างต้นเราทราบแล้วมา ไวรัส จะแพร่กระจาย ได้ด้วยการสร้างไฟล์ autorun.inf ไว้ที่ Flash Driver เรา ดังนั้นทางแก้ไขคือ "เราสร้าง ไฟล์ autorun.inf ไว้ก่อนที่ไวรัสจะมาสร้างให้เรา"
วิธีการคือ
1.ไปที่ ไดว์ ที่ Flash Drive เสียบอยู่ โดย คลิกขวา-->เลือก Open
2.คลิกขวา-->เลือก New-->Folder ตั้งชื่อ Folder เฺป็น autorun.inf (*เป็นการสร้าง Folder ชื่อ "autorun.inf" เท่านั้นเอง) เป็นอันเสร็จสิ้น

3.เราต้องไม่ลบ Folder ที่สร้างนี้ออกจาก Flash Driver นะคับ
*** จากข้อที่ 2 อาจจะสงสัยว่าทำไมเราสร้าง Folder แทนที่จะ สร้าง File ชื่อ autorun.inf สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากส่วนท้ายจาก บทความนี้

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วิธีการเสียบปลั๊กโน๊ตบุ๊ค ให้ถูกต้อง

qrcode QR code [URL] ของบทความนี้

จากการใช้งานโน๊ตบุ๊ค (notebook) , เน็ตบุ๊ค (netbook) ในปัจจุบันนับว่ามีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายเป็นอย่างมาก หลายๆท่านอาจเคยเจอปัญหานี้คือเมื่อเสียบปลั๊ก อะแด็ปเตอร์ (adapter) กับปลั๊กไฟที่บ้านแล้วมักจะเกิดอาการ "ไฟแลป" ไม่ว่าจะเสียกี่ที่ๆ ก็ แลป แป๊บๆ ตลอด หลายๆท่านอาจจะคิดว่า อะแด็ปเตอร์ (adapter)ไม่ดีหรือว่าปลั๊กไปที่บ้านเราไม่ดี แต่ความจริงแล้วสาเหตุที่แท้จริงของการเกิด "ไฟแลป" นั้นไม่ได้อยู่ที่ อะแด็ปเตอร์ หรือ ปลั๊กที่เราเสียบหรอก แต่สาเหตุมันอยู่ที่ลำดับการเสีบปลั๊กของเราผิดเอง
วิธีการเสียบปลั๊กโน็ตบุ๊คให้ถูกต้อง ก็คือ ให้เสียบปลั๊กอะแด็ปเตอร์เข้ากับ เต้ารับหรือ ปลั๊กไฟ ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นค่อยเอาปลายอีกด้านที่เหลือมาเสียบเข้ากับโน้ตบุ๊ค เท่านี้ก็แก้ปัญหา "ไฟแลป" ได้เป็นอย่างดี วิธีการนี้สามารถใช้ได้กับ โน๊ตบุ๊ค (notebook) , เน็ตบุ๊ค (netbook)ทุกๆรุ่นทุกๆยี่ห่อ นะคับ ลองนำไปประยุกค์ใช้งานดูนะคับ

จากรูปนะคับเสียบหมายเลข 1 และ 2 ตามลำดับเลยคับ

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การทำให้ Internet Download Manager ไม่ให้อัพเดต

qrcode QR code [URL] ของบทความนี้
การใช้งานโปรแกรมช่วยดาวน์โหลด Internet Download Manager หรือ IDM นั้นนับว่ามีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่ง IDM นี้มีหลากหลายเวอร์ชั่น โดยภายในตัวโปรแกรมเองมีการตั้งค่าสำหรับ
อัพเดตโปรแกรมแกรมเวอร์ชั่นล่าสุดให้อัตโนมัติ จึงมีปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ถ้าอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ต้องใช้ Serial Number ของเวอร์ชั่นนั้นเช่นกัน และเนื่องจาก IDM ไม่ใช้ฟรีซอตแวร์ จึงต้องหา Serial Number ของเวอร์ชั่นใหม่เพิ่มเติม (หาได้ไม่ง่าย) ดังนั้น ทางแก้ไขคือพยายามไม่ต้องอัพเดตโปรแกรมให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ และในบทความนี้ผมจะนำเสนอการปิดฟังก์ชั่นออโตอัพเดตของ IDM โดยมีขั้นตอนดังนี้


1.ปิด IDM ก่อน โดยที่มุมล่างขวาของจอภาพ คลิกขวาที่ไอคอน IDM เลือก ออก หรือ exit

2.เปิดโปรแกรม Notepad ขั้นมา โดยไปที่ start-->All Program-->Accessories-->Notepad
หรือ ไปที่ start-->run-->พิมพ์ notepat 
 
3.คัดลอกข้อความนี้ลง Notepad และเซฟเป็น .bat

@ echo off
color c
IF "%OS%"=="Windows_NT" (
SET HOSTFILE=%windir%\system32\drivers\etc\hosts
) ELSE (
SET HOSTFILE=%windir%\hosts
)
ECHO.>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 tone.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 www.tonec.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 registeridm.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 www.registeridm.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 secure.registeridm.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 www.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 secure.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 mirror.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 mirror2.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
ECHO 127.0.0.1 mirror3.internetdownloadmanager.com>> %HOSTFILE%
IPCONFIG -flushdns
CLS





4.ดับเบิ้ลคลิก ที่ไฟล์ .bat เป็นอันเสร็จขั้นตอน

ป.ล. ขั้นตอนนี้ใช้ได้ทั้ง win_xp,win_vista และ win_7 นะคับ


วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แก้ไข Firefox กินแรม มากด้วย Firefox Ultimate Optimizer 2010



เว็บเบราว์เซอร์ชื่อ "Firefox" เริ่มเป็นที่รู้จักและใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน Firefox ได้พัฒนาโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ ออกมาหลาย version มากจนในปัจจุบันมี Firefox มากถึง 5 version โดย โดยเวอร์ชั่นล่าสุดคือ Firefox version 5.0 beta 1 ซึ่งการใช้งาน Firefox สำหรับ เป็นเว็บเบราว์เซอร์ประจำเครื่อง นั้นยังนับว่ามีจุดอ่อนที่สำคัญก็คือ Firefox ใช้ Memory หรือ หน่วยความจำหลัก ของเครื่องในการประมวลผลค่อยข้างสูง (หรือ ที่เราเข้าใจก็คือกิน RAM เยอะนั้นเอง) จากภาพนะคับ
 
จากภาพจะเห็นได้ว่าการที่การทำงานของ Firefox จำนวนประมาณ 10 Tab ใช้ RAM ไปประมาณ 130,000-150,000 KB  หรือ 130-150 MB ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ใครที่ RAM น้อยๆ (น้อยกว่า 1GB)

การทำงานของโปรแกรมไหนที่ใช้ RAM ร้อยกว่้าเมกะไบต์  นับว่าใช้ทรัพยาการของเครื่องไปมากเลยทีเดียว..บวกลบกับโปรแกรมอื่นๆไปแล้ว RAM แทบไม่เหลือให้ใช้ งาน...นั้นก็หมายถึงว่าเครื่องจะทำงานช้าเป็นเต่าไปเลย

และในบทความนี้จะเป็นการใช้โปรแกรมเสริมตัวหนึ่ง ที่มีการทำงานเพื่อลดการใช้ RAM ของ Firefox โดยเฉพาะ โดยเจ้าตัวโปรแกรมนี้มีชื่อว่า Firefox Ultimate Optimizer ซึ่งมี version ล่าสุดคือ 2011 แต่้ตัวที่ผมแนะนำนี้เป็น version 2010 การใช้งานก็ไม่ยากซับซ้อนอะไรนะคับแค่ติดตั้งโปรแกรมและเปิดใช้งานก็เป็๋นอันเสร็จสิ้น

ขั้นตอน
1.ดาวน์โหลดโปรแกรมจาก Firefox Ultimate Optimizer version 2010 ตัวนี้เป็น Portable Program
2.แตกไฟล์จะเจอ  Firefox Ultimate Optimizer.exe เปิดไฟล์ขึ้นก็ถือว่าใช้ได้ ทุกๆครั้งที่มีการใช้งาน Firefox ต้องเปิดโปรแกรม Firefox Ultimate Optimizer ให้ทำงานไปพร้อมกับ
หรือ
3.ตั้งค่าให้โปรแกรมทำงานทุกครั้งเมื่อเปิดครื่อง  หลังจากที่เปิดโปรแกรมขึ้ยมาที่มุมขวาของจอถาพ จะเห็น icon ของ Firefox  ให้คลิกขวา-->เลือก Start with windows เป็นอันเสร็จสิ้น
**หลังจากที่ได้ลงที่ได้ใช้งาน Firefox Ultimate Optimizer จะห็นความแตกต่างได้จัดเจนถึงการใช้หน่วยความจำ (RAM)ของเครื่องคอมพิวเตอร์
เห็นได้ว่าการใช้ RAM ลดลงไปมาก ซึ่งจะเหมาะมากกับการใช้งานกับเครื่องที่ RAM น้อย จบครับ และข้อให้มีความสุขกับหมาไฟตัวนี้นะคับ

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

IDM กับ Firefox 4


 
จากการใช้งาน Web Browser และ Internet ในปัจจุบันผู้ใช้งานอาจมีความต้องการที่จะ Download ไฟล์ต่างๆที่อยู่บนเครื่อข่าย WWW และที่จะขาดไม่ได้สำหรับการ Download ไฟล์นั้นก็คือ โปรแกรมช่วย Download ซึ่งโปรแกรมลักษณะนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการ Downlaod ไฟล์ให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น ด้านความเร็ว,ด้านคิวงาน download เป็นต้น โดยการพัฒนาโปรแกรมช่วย Download นั้นมีมากมายหลายโปรแกรม แต่ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากสุดเห็นจะเป็น Internet Download Manager หรือ "IDM" ซึ่งมีเวอร์ชั่น 6 ออกมาสู่ท้องตลาดแล้วในปัจจุบัน ซึ่งคุณสมบัตินี่น่าสนในของ IDM นี้ก็น่าจะอยู่ที่ เป็นโปรแกรมช่วย Download ที่สามารถ Add-on เข้ากับ Web Browser ได้หลายๆตัวเพื่อการ Download ต่างไฟล์ๆ บนหน้าเว็บได้อย่างอัตโนมัติ

  สำหรับบทความนี้จะกล่าวถึงการใช้ Firefox 4 ร่วมกับ IDM จากที่เร็วนี้ๆ Firefox ได้เผยเว็บเบราว์เซอร์ เวอร์ชั่นใหม่นั้นก็คือ Version 4.0.xx ซึ่งผู้ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ของ Firefox รวมกับ IDM เวอร์ชั่นที่น้อยกว่า 6.0 นั้นก็คือ จะไม่สามารถใช้ Add-on ตัวเดิมได้ นั้นก็หมายความว่า Firefox 4.0 จะไม่แสดงเครื่องมือของ IDM เหมือนแต่ก่อน
 การแก้ปัญหา ทำได้ 2 วิธีคือ
วิธีที่ 1
Download หา IDM เวอร์ชั่น 6.0 ขึ้นไปมาใช้งาน จะทำให้ Firefox 4 ทำการ Add-on ตัว IDM ให้อัตโนมัติ **แต่เนื่องจาก IDM นั้นไม่ใช้ของฟรี ดังนั้นการหา Downlaod เวอร์ชั่นใหม่ๆ ที่มี Serial อาจะลำบากนิดหน่อย.. หรืออาจะไปใช้วิธีที่ 2
วิธีที่ 2
ปรับปรุง Add-on ชื่อ IDM CC ของ Firefox ใหม่ ซึ่งใน Firefox 4 ขึ้นไป(*ตอนนี้มีเวอร์ชั่น 5.0 Beta 1 แล้ว) จะใช้ IDM CC version 7.0 ขั้นไปโดยมีขั้นตอนดังนี้


1.ดาว์โหลด Add-on ชื่อ IDM CC ของ Firefox ได้ที่นี้ IDM CC 7.1.8
2.โหลดเสร็จแตกไฟล์ จะได้ไฟล์ชื่อ IDM CC 7.1.8.XPI
3.ไปที่ Firefox Toolbar เลือก เครื่อมือ-->ส่วนเสริม   (**เครื่องผมลงเป็นภาษาไทยไว้ครับ)
4.ที่เครื่องมือส่วนเสริมจะเห็น รูป เฟือง ทางบนขวาคลิกเลือก ติดตั้งส่วนเสริมจากแฟ้ม...
5.เลือกไฟล์ IDM CC 7.1.8.XPI ในตำแหน่งที่บันทึกไว้ แล้วคลิก Open
6.ที่หน้าต่างติดตั้งโปรแกรมเลือก ติดตั้งเดี่ยวนี้ ตามรูป
7. Restart Firefox 1 ทีเป็นอันเสร็จสิ้นคับ

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทิป ง่ายๆ กับการ ค้นหา Driver ที่ หายาก ๆ


Driver Computer หรือ เรียกสั้นๆ ว่า Driver(ไดร์เวอร์)
คำว่า Driver Computer คือ โปรแกรม หรือ ซอฟแวร์ ที่ใช้สำหรับการขับเคลื่อน หรือ เชื่อมต่อ อุปกรณ์ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนบอร์ด การ์ดจอ เม้าส์ เครืองพิมพ์ และทุกๆ ชิ้นส่วน ทั้งภายใน และ ภายนอกคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดสรรค์ทรัพยากรณ์ของคอมพิวเตอร์ให้กับอุปกรณ์นั้นๆ สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด โดย ซอฟแวร์ประเภทไดร์เวอร์ นี้จะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อขับเคลื่อนอุปกรณ์ตามชนิดแตกต่างกันออกไป ดังนั้น หากต้องการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆที่เชื่อมต่ออยู่ คอมพิวเตอร์จะต้องมีซอฟแวร์ประเภทไดว์เวอร์ติดตั้งลงไปด้วยตาม รุ่น และ ยี่ห้อ ของอุปกรณ์ต่างๆเหล่านั้น ซึ่ง ไดร์เวอร์บางตัวอาจจะใช้ได้กับหลายๆอุปกรณ์ หรือ อุปกรณ์บางตัวก็อยากจะสนับสนุนกับไดว์เวอร์ได้หลายตัว และ อุปกรณ์บางตัวจำเป็นต้องใช้ไดว์เฉพาะ ตามรุ่น และ ยี่ห้อ ของตัวมัน เท่านั้น....
***การลงไดร์เวอร์ได้ตามรุ่น และ ยี่ห้อ ของอุปกรณ์จะสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ในบทความนี้จะกล่าวถึง เทคนิคการค้นหาไดว์เวอร์ของอุปกรณ์ ที่ค้นหายากใน Search Engine นั้นก็คือ เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ลงไปที่เครื่องแล้วเครื่อง ไม่ทราบว่าเป็นอุปกรณ์ประเภทอะไร หรือ แม้แต่ ชื่ออะไรก็ยังไม่ทราบ หรือที่เห็นกันบ่อยๆ ก็ คือ Unknown device ที่โปรแกรม Device Manager ตามภาพ..

**ไม่รู้ัจักชื่อแล้ว Search ยังไงจิงมั้ย 

วิธีการ คือ ต้องหาข้อมูลอื่นไป Search ข้อมูลอื่นที่ว่านี้คือ Device Instance Id หรือ Hardware Ids ซึ่งเป็น ID เฉพาะของอุปกรณ์นั้น ..ขั้นตอนคือ



1.ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Unknown device ครับ
2.เลือกที่แท๊ป Details
3.เลือกที่ Device Instance Id หรือ Hardware Ids ก็ได้
4.ทำการ Copy (กด Ctrl+C) ข้อมูลนั้นไป Search จะทำให้ได้ชื่อของอุปกรณ์นั้น ตอนนนี้เราก็ทราบแล้วว่ามันชื่ออะไร ยี่ห่ออะไร และรุ่นอะไร
5.ทำชื่อไป Search หา Driver อีกที เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ



จากขั้นตอนการหาไดร์เวอร์อาจจะยากสักนิดหนึ่งนะคับแต่ถ้าจะติดตั้ง windows ใหม่ทุกๆครั้งควรที่จะ Backup Driver เสียก่อนนะคับกันไว้ๆ

Double Driver เครื่องมือ Backup Driver ของฟรี มีดีอยู่ในตัว


     
ผู้ใช้หลายๆคนอาจเคยเจอปัญหาหลังจากลง Windows ตัวใหม่ คือปัญหาเรื่อง Driver โดยปัญหานี้อาจจะเิกิดขึ้นจาก การลืม Backup Driver ,แผ่น Driver ที่แถมมาหายหรือมีปัญหา, ร้านคอมไม่ได้ให้แผ่น Driver มาให้เป็นต้น จึงจำเป็นให้ต้องมานั่งโหลด Driver กันใหม่ทีละตัว
     จากปัญหาดังกล่าว ในบทความนี้ผมจะขอเสนอโปรแำกรม Backup Driver ที่มีชื่อว่า "Double Driver"
โดยโปรแกรมนี้เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่มีความสามารถในการ Backup Driver และ Restore Driver ได้อย่างสมบุรณ์ และที่สำคัญเป็นโปรแกรมที่ใช้งานฟรี เพื่อแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากการลง Windows ใหม่

ขั้นตอนการติดตั้งและใช้งานโปรแกรม "Double Driver"
1.ดาว์นโหลดโปรแกรม Double Driver 
2.เมื่อเสร็จจะได้ไฟล์  double_driver_4.1.0_portable.zip ทำการแตกไฟล์ด้วยโปรแกรมบีบอัดไฟล์เช่น Winzip,winrar,7-zib เป็นต้น
3.ในโฟล์เดอร์จะเห็นไฟล์หลายตัว แต่ตัวที่เป็นโปรแกรมชื่อว่า "dd.exe"เปิดโปรแกรมด้วยการ Double Click *(โปรแกรมเป็นแบบ Portable Program) คือทำงานได้ทันทีไม่ต้องติดตั้ง

เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาจะแบ่งการทำงานหลักๆได้เป็นสองส่วนคือ Backup Driver และ Restore Driver

การ Backup Driver (สำรองไดว์เวอร์)
1.คลิก เมนู "backup" ที่เมนูบาร์

2.คลิก ปุ่ม "Scan Current System" *รอสักพัก โปรแกรมกำลัง Scan หาไดร์เวอร์ที่ลงอยู่ในเครื่อง
3.เมื่อเสร็จสิ้น คลิก ปุ่ม "Backup Now" เพื่อ Save ไดร์เวอร์ไว้

4.เลือก Destination (ปลายทาง) ที่ต้องการ Save ไดร์เวอร์ไว้ **ต้องไม่ใช้ Driver ที่จะทำการ Format นะ และเลือกประเภทของ  Output  ได้ดังนี้

   -Structured folder (Default) จะเป็นการสำรองไดร์เวอร์ไว้ด้วยค่ามาตรฐาน เพื่อให้การเรียกใช้งานเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
   -Compressed (zipped) folder จะเป็นการสำรองไดร์เวอร์เหมือนกับ Structured folder แต่จะถูกจัดเก็บไว้ในรูปแบบของซิบไฟล์ เพื่อให้ได้ไฟล์ที่มีขนาดเล็กที่สุด จะได้เป็นการประหยัดพื้นที่บนฮาร์ดดิสต์
   -Single file selt extract (executable) จะเป็นการสำรองไดร์เวอร์ให้อยู่ในรูปแบบการบีบอีดแบบไฟล์เดียว แต่เราสามารถแตกไฟล์ออกมาใช้งานภายหลังได้

5.ในที่นี้เลือก ข้อแรกนะคับ จะได้ไฟล์ต่างๆที่สำรองไว้



การ Restore Driver (คืนค่าไดร์เวอร์) **ขั้นตอนนี้ก็ทำหลังจากลง windows เสร็จ
1.คลิก เมนู "backup" ที่เมนูบาร์
2.คลิก ปุ่ม  Locate Backup
3.เลือก Other Location เลือกหาโฟล์เดอร์ที่ทำการสำรองข้อมูลไว้
4.เลือกปุ่ม OK เป็นอันเสร็จสิ้น




วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ข้อแตกต่างระหว่าง Autorun กับ Autoplay รู้ไวใช้ว่า..


ในบทความนี้จะกล่าวถึงคำสองคำคือ "autorun" และ "autoplay" ซึ่งโดยส่วนตัวผลคิดว่าการทำงานน่าจะคล้ายๆ แต่จากที่ได้อ่านบบความอื่นของชาวบ้านมา ทำให้ตาสว่างขึ้นมาเลยว่าคำสองนี้มีการทำงานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวเรามาดูว่าข้อแตกต่างระหว่างสองคำนี้ว่ามีอะไรกันบ้าง

1) autorun  การทำงานแบบ autorun เกิดขึ้นครั้งแรกใน windows 95 เป็นต้นมา โดยการทำงานของ autorun ในช่วงแรกๆ เน้นความสะดวกในการใช้งาน CD ที่ภายในมีโปรแกรมพวก installation(การติดตั้ง) เช่น CD ของ Windows,CD ของ ไดร์เวอร์,CD ของ Microsoft Office เป็นต้น โดยการทำงานของ autorun จะอาศัยไฟล์ ชื่อ Autorun.inf ซึ่งภายในจะระบุโปรแกรมที่จะเริ่มใช้งานเมื่อทำการเปิด CD
แสงดข้อมูลในไฟล์ autorun ในแผ่น windows 7


จากภาพคือไฟล์ autorun ระบุการเปิดโปรแกรม setup.exe และแสดงไอคอน setup.exe เช่นเดียวกัน จะทำให้เมื่อมีการเปิด Drive (การ Double Click) ที่มีไฟล์ Autorun.inf ในที่นี้คือ Drive ของ CD/DVD คอมพิวเตอร์ก็จะทำงานเปิดไฟล์ตามคำสั่งที่อยู่ในไฟล์ Autorun.inf ในที่นี้คือ setup.exe นั้นเอง
แสดงไฟล์ setup.exe ที่เกิดจาการเปิด Drive ที่มีไฟล์ Autorun.inf


**การใช้ไฟล์ Autorun.inf เพื่อเปิดโปรแกรมไวรัส ก็อาศัยการทำงานในลักษณะเดียวกันคือภายในไฟล์ Autorun.inf แทนที่จะเป็นไฟล์ที่ใช้งานปกติของคอมพิวเตอร์ ก็เป็นไฟล์ที่เป็นไวรัสแทนทำให้เมื่อผู้ใช้เปิด Drive ต่างๆ(การ Double Click) ไม่ว่าจะเป็น  Flash drive, External HDD หรือ CD/DVD ที่มีไฟล์ Autorun.inf ที่เรียกใช้งานไฟล์ไวรัส ก็เสมือนกับว่าผู้ใช้ได้สั่งให้ไวรัสทำงานนั้นเอง

2) Autoplay การทำงานแบบ Autoplay เกิดขึ้นครั้งแรกใน Windows XP เป็นต้นมา โดยการทำงานแบบ Autoplay นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดไฟล์ที่อยู่ใน Drive ต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น โดยคอมพิวเตอร์จะเลือกและลิสต์รายการของโปรแกรมที่สามารถเป็นไฟล์ที่อยู่ใน Drive ต่างๆ ให้โดยอัตโนมัติ
แสดงการทำงานของ Autoplay ที่ลิสต์โปรแกรมที่สามารถเปิดไฟล์ต่างๆ ใน  Flash drive
จากภาพเป็นการแสดงโปรแกรมที่สามารถเปิดไฟล์ต่างๆใน Flash drive เมื่อเริ่มเสียบ Flash drive เข้าเครื่องที่เกิดจากการทำงานของ Autoplay จะเห็นว่า Autoplay ไม่ได้อาศัยไฟล์ Autorun.inf ในการทำแต่ เป็นการทำงานโดยเลือกโปรแกรมภายนอกที่ติดตั้งลงบนเครื่องว่าโปรแกรมไหนสามารถเปิดไฟล์ใดได้บ้าง และจึงทำการลิสต์เป็นข้อมูลให้ผู้ใช้ได้ทราบ

 **การใช้ Autoplay ในการแพร่กระจายไวรัส คือเมื่อคอมพิวเตอร์แจ้งลิสต์ของ Autoplay ไฟล์แรกที่จะอ่านข้อมูลมาคือ ไฟล์ Autorun.inf หากพบเจอก็จะนำไฟล์ที่มีอยู่ใน Autorun.inf ขึ้นมาไว้เป็นลิสต์ตัวแรกเสมอ และเมื่อผู้ใช้ คลิกไฟล์ตามลิสต์ของ Autoplay โปรแกรมดังกล่าวก็จะทำงานทันที

สรุปข้อแตกต่่างระหว่าง Autorun กับ Autoplay
1.Autorun มีอยู่ใน Windows 95 เป็นต้นมา ส่วน Autoplay เริ่มมีใน Windows XPเป็นต้นมา
2.Autorun จะทำงานตามไฟล์ Autorun.inf  เพื่อเปิดโปรแกรมต่างๆตามคำสั่ง Autoplay นั้นไม่ต้องใช้ไฟล์ Autorun.inf ก็ทำงานได้ จะทำงานตามไฟล์ที่มีอยู่ใน Drive

จากการทำงานของ Autorun และ Autoplay ในคอมพิวเตอร์นับว่าเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้นแต่ก็เสี่ยงกับการติดไวรัสเช่นเดียวกัน เราสามารถที่จะปิดฟังก์ชั่นการทำงานดังกล่าวนี้ได้โดยทำการปิดฟังก์ชั่น Autorun ของ Windows ตามวิธีนี้ "การปิด Autorun"

ปิด autorun ใน windows xp และ windows 7 ! ทิป ไวไว ไกล ไวรัส


จากการใช้งาน Flash drive หรือ External HDD ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ปัญหาที่ตามมาคือการแพร่กระจายของ ไวรัส ที่ติดมากับอุปกรณ์เหล่านี้ที่ใช้กับเครื่องนั้นที่เครื่องนี้ที โดย ไวรัสส่วนใหญ่ ที่มีการแพร่กระจายอยู่ในอุปกรณ์ลักษณะนี้จะอาศัยการทำงานร่วมกับ Autorun ของ Windows ดังนั้น ขั้นตอนง่ายๆในการป้องกันการ Run โปรแกรมของไวรัสที่อาศัยการทำงานของ Autorun ของ Windows คือการปิดบริการ Autorun ของ Windows ไปซะ ซึ่งการปิด Autorun ตามวิธีนี้จะปิดการทำงานของส่วนคือ

    1) ปิด Autorun คือ จะไม่สั่งให้เปิดโปรแกรมที่มีอยู่ใน Flash drive ขึ้นมา(จากคำสั่งในไฟล์ Autorun.inf) ตัวนี้คับสำคัญ เพราะไวรัสส่วนใหญ่อาศํยไฟล์ Autorun.inf ที่เขียนลงใน Flash drive เพื่อเรียกใช้งาน โปรแกรมแกรมไวรัส ขึ้นมาใช้งาน
    2) ปิด Autoplay คือ จะไม่เปิดโปรแกรมจากภายนอกเพื่อที่จะใช้จัดการกับไฟล์ที่อยู่ภายใน Flash drive

ส่วน ข้อแตกต่างระหว่าง Autorun กับ Autoplay ดูต่อที่บทความนี้ครับ คลิก

สำหรับบทความนี้จะนำเสนอการปิด Autorun ของ Windows XP และ Windows 7 ดังต่อไปนี้

การปิด autorun ใน windows xp
1.ไปที่ start menu-->เลือก run...
2.พิมพ์ gpedit.msc -->กด Enter **เพื่อเปิดหน้าต่าง Group Policy

3.เลือก User Configuration --> Administrative Template --> System
4.ที่ System หาไฟล์ชื่อ Turn off auto play แล้วทำการ Double Click

5.จะเจอหน้าต่างของ Turn off auto play Properties เลือก Turn off Autoplay เป็น Enable
  และเลือก Turn off Autoplay on เป็น All drives และกด Ok

6. Restart เครื่อง เป็นอัน เสร็จสินการปิด autorun ของ Windows xp



ขั้นตอนการปิด autoplay ใน Windows 7
1.ไปที่ start -->ที่ช่อง search พิมพ์ gpedit.msc -->กด Enter **เพื่อเปิดหน้าต่าง Group Policy

2. ที่หน้าต่้าง Local Group Policy Editor ไปที่ User Configuration --> Administrative Templates > Windows Components > Autoplay Policies
3.ที่ Autoplay Policies หาไฟล์ชื่อ Turn off Autoplay แล้วทำการ Double Click

4.ที่หน้าต่างของ Turn off auto play Properties เลือก Turn off Autoplay เป็น Enable
  และเลือก Turn off Autoplay on เป็น All drives และกด Ok

5. Restart เป็นอัน เสร็จสินการปิด autorun ของ Windows 7

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Windows XP Hotkey คีย์ลัด ที่น่าจดจำ





Keyboard
การแสดงผล
CTRL+A เลือก Item ทั้งหมดในหน้า Windows
CTRL +C Copy Item ที่เลือก.
CTRL +F แสดงหน้าต่างค้นหา files
CTRL +G แสดง Go to folder dialog box
CTRL +N แสดง New dialog box
CTRL +O แสดง Open dialog box
CTRL +P แสดง Print dialog box
CTRL +S แสดง Save dialog box
CTRL +V Pastes item จาก Clipboard
CTRL +X Cuts item หรือ เลือก items เข้าสู่ Clipboard
CTRL +Z ย้อนกลับ 1 Step
CTRL +F4 ไปที่ Address Bar
CTRL+เลือกหลายๆ Item selected หลายๆ item
CTRL+SHIFT+ลูกศร Highlight ข้อความตามช่องว่าง
CTRL+ESC แสดง Start menu

Keyboard
การแสดงผล
ALT+ENTER แสดงคุณสมบัติสำหรับ item ที่เลือก
ALT+F4 ปิด Windows และ โปรแกรมที่ใช้งานอยู่
ALT+SPACEBAR เปิด shortcut menu สำหรับ window ที่ใช้งานอยู่
ALT+TAB สลับ Windows ที่ใช้งาน
ALT+ESC สลับ Windows ที่ใช้งานตามรอบลำดับที่เปิดใช้งาน

Keyboard
การแสดงผล
F1 key แสดง help .
F2 key Rename
F3 key ค้นหา file หรือ folder
F4 key แสดงลิสต์ Address bar ใน My Computer หรือ Windows Explorer
F5 key  Refresh
F6 key เลือกองค์ประกอบของหน้าต่าง Window ตามลำดับ
F10 key ไปที่ Menu bar


Keyboard
การแสดงผล
Windows Logo แสดงหรือซ่อน Start menu
Windows Logo+BREAK แสดง System Properties
Windows Logo+D แสดง desktop
Windows Logo+M Minimize ทุกๆ windows ที่เปิด
Windows Logo+SHIFT+M คืนขนาดให้กับ windows ที่ minimize อยู่
Windows Logo+E เปิด My Computer
Windows Logo+F ค้นหา file หรือ folder
CTRL+Windows Logo+F ค้นหา สำหรับ computers
Windows Logo+F1 แสดง Windows Help
Windows Logo+ L Log off
Windows Logo+R  เปิด โปรแกรม Run
Windows Logo+U เปิด Utility Manager

Keyboard
การแสดงผล
TAB เลือนสู่ Options ต่างๆ ไปข้างหน้า
SHIFT+TAB เลือนสู่ Options ต่างๆ ย้อนกลับ
CTRL+TAB เลื่อน Tab ไปข้างหน้า
CTRL+SHIFT+TAB เลื่อน Tab ย้อนกลับ
ALT+Underlined letter เลือก Item ที่มี Underlined Shottcut
ENTER เลือก Options ต่างๆ
SPACEBAR เลือกหรือลบ check box options ในกรณีที่ Options เป็น check box
F1 key แสดง Help
F4 key แสดงลิสต์ Address bar ใน My Computer หรือ Windows Explorer
Arrow keys (ปุ่มลูกศร) เลือกตำแหน่ง Options หรือ items
BACKSPACE เปิด Folder ที่ Level ที่อยู่ก่อนหน้า
END แสดง Item ส่วนท้ายของ Window ที่ใช้งาน
HOME แสดง Item แรกของ Window ที่ใช้งาน

ขอขอบคุณที่มาจาก :: www.helpwithpcs.com

Show Desktop ที่ Quick Launch Bar ใน Windows 7



ปุ่ม Show Desktop (Windows XP) หรือ (Windows Vista) ที่แสดงอยู่บน Quick Launch Bar นับว่าเป็นบุ่มที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานระบบปฎิบัติการ Windows Version ต่างๆ ซึ่งช่วยในการย่อหน้าต่างของโปรแกรมต่างๆที่เปิดอยู่ทั้งหมดลงมาไวที่ Task Bar เพื่อเปิดใช้โปรแกรมแกรมอื่นๆต่อไป ซึ่งกระบวนการทำงานนี้สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงกดคีย์ลัด(Hot Key) Windows Logo+D  ซึ่งเป็น Hot Key ของ Windows ทุกๆ Version แต่ด้วยความถนัดส่วนตัวแล้วบางคนอาจจะยังต้องการ ปุ่ม Show Desktop ที่ Quick Launch Bar อยู่ดี

    และจากการพัฒนา Windows XP และ Vista ที่ผ่านมา ปุ่ม Show Desktop ยังได้มีการติดตั้งและวางตำแหน่งไว้ที่เติม พอมาถึง Windows 7 ปุ่มนี้ได้มีการเปลี่ยนตำแหน่งไป (ตามภาพ)
แสดงตำแหน่ง ปุ่ม Show desktop ใน Windows 7

จากตำแหน่งดังกล่าวผู้ใช้หลายท่านอาจไม่เคยชินกับตำแหน่งนี้ ในบทความนี้จะกล่าวจะได้กล่าวถึงการนำปุ่ม Show Desktop ใน Windows 7 กลับมาไว้ตำแหน่งเดิมเหมือนกับ Windows XP และ Vista กัน


ขั้นตอน
1.คลิกขวาที่ Task bar เลือก Lock the taskbar
2.ติดตั้งโปรแกรม ShowDesktopSetup (ติดตั้งเหมือนโปรแกรมทั่วๆไป)
3.ไปที่ StartMenu-->All Programs-->Show Desktop-->คลิกขวาที่ โปรแกรม Show Desktop-->เลือก Pin to Taskbar-->เลื่อนปุ่ม Show Desktop มาไว้ทางซ้ายมือตามต้องการ
แสดวการเลือกโปรกรม Show Desktop
เพียงเท่านี้เราก็สามารถใช้งานปุ่ม Show Desktop ใน Windows 7 ได้เหมือนกันกับการใช้งานใน Windows XP และ Vista แล้วคับ

ไอทีอัพเดท

บอร์ด Technical Zone พันทิปดอทคอม

ข่าวเกม

วาไรตี้ฮอต